ในวันที่เราเจอสถานการณ์ฉุกเฉินจนเครื่องมือสื่อสารที่เราใช้ได้ในปัจจุบันเป็นอัมพาตไป เราจะมีวิธีในการสื่อสารแบบไหนหลงเหลืออยู่อีกมั้ย ?
นี่เป็นคำถามที่เด้ง random ขึ้นมาในหัว และแทบจะในขณะเดียวกัน สิ่งทีนึกออกก็เป็นอะไรที่เรามักจะพบเจอกันในภาพยน ตร์ โดยเฉพาะจำพวกภาพยนตร์ที่เป็นแนวเอาตัวรอด ทั้งหลายแหล่
รหัสมอร์ส (Morse Code)
เป็นสิ่งที่เราจะคุยกันในวันนี้ ด้วยความที่ Morse Code ค่อนข้างจะเป็นอะไรที่ทรงประสิทธิภาพมาก ๆ ทั้งใช้ในแง่ของ สัญญาณไฟ สัญญาณวิทยุ หรือเสียงเคาะ เรียกได้ว่า แทบจะทุกอย่างที่สามารถส่งสัญญาณจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ เราก็สามารถสื่อสารด้วย Morse Code ได้ . . แล้วทีนี้ ถ้าจะคุย Morse Code กับชาวบ้านเค้ารู้เรื่อง เราควรจะต้องทำยังไงล่ะ ? ในเมื่อมันเป็นหนึ่งในรูปแบบของภาษา สิ่งที่พอจะอนุมานได้ คือมันก็ควรจะต้องมีแบบแผนแหละ ไม่งั้นเค้าจะเข้าใจกันได้ยังไง 55555
. .
ก็เลยได้ค้นพบว่า วิธีในการสื่อสารของมัน โคตรจะ Simple เลยครับ “Di” “Dah”
Di เป็นจังหวะเสียงสั้น แสดงด้วยจุด Dah เป็นจังหวะเสียงยาว แสดงด้วยเส้นขีด
จากภาพด้านบนผมแสดงเป็น Chart กับตัวอักษรหลัก ๆ ที่ใช้กัน จริง ๆ ถ้าเอาแบบละเอียด มันจะมีตัวเลขเพิ่มไปอีกด้วย แต่อันนี้เอามาแสดงให้พอจะเก็ทไอเดียกันได้ก่อน
Di-Dah-Dah-Dah Dah-Dah-Dah Di-Dah-Di Di-Di-Di-Dah Dah-Dah-Dah Di-Dah-Di ก็จะได้เป็นคำว่า JORVOR
จริง ๆ ด้วยคอนเซปมันง่ายมาก และไม่ว่าเราจะใช้ตัวกลางในการส่งสัญญาณเป็นอะไร ก็แค่แบ่งคำให้ดี และส่งสัญญาณสั้นยาว ให้ตรงกับตัวอักษรที่เราต้องการจะส่งสารไป . แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า กว่าจะเข้าใจสิ่งนี้ได้แบบ Native เหมือนเป็นภาษาที่เราใช้ในการสื่อสารปกติได้ โดยไม่ต้องใช้ Dict มาเปิดประกอบ ก็คงจะต้องใช้เวลาไม่น้อยในการฝึกฝน จนกว่าจะสื่อสารได้คล่องได้เลย
เรียกได้ว่า Morse Code นี่เป็นอีกหนึ่งสกิลที่เรียกว่า “5 minutes to learn, a lifetime to master”
. .
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์อะไรกับชีวิตมั้ย แต่รู้ไว้หน่อยก็สนุกดีครับ 555
>_JV
